ฟรี 300 ไม่ ต้อง ฝากขอแนะนำอย่างเข้มข้น โดยผู้ใช้เป็นล้าน สร้างประสบการณ์เล่นเกมที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ยี่ห้อใหญ่คุ้มค่าที่คุณไว้วางใจ คลิกเพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ ขอให้สนุกสนาน!
ฟรี 300 ไม่ ต้อง ฝาก
หลังกลับมาโสดอีกครั้งเรียกว่าสวยแซ่บขึ้นทุกวัน สำหรับนักแสดงสาว นิวเคลียร์ - หรรษา จึงวิวัฒนวงศ์ ล่าสุดมาเปิดใจในรายการ WOODY INTERVIEW เล่าถึงสาเหตุลึกๆ ของการเลิกรา ชีวิตเหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ รู้สึกขอบคุณตัวเองที่ก้าวข้ามผ่านจุดนั้นมาได้ มีความสุขด้วยตัวเอง ในตอนนี้ยังไม่คิดมีแฟนใหม่
เป็นยังไงบ้างชีวิตตอนนี้ ?
นิวเคลียร์ : ก็แฮปปี้นะคะ รู้สึกตัวเองเพิ่งโตเป็นสาว รู้สึกตอนนั้นเรามองย้อนกลับไป เราเด็กมากเลย
อะไรที่รู้สึกว่าเราเป็นเด็กในตอนนั้น ?
นิวเคลียร์ : ความคิดเป็นหลักเลย เด็กมาก ทำอะไรเองแทบจะไม่เป็น ต้องขึ้นอยู่กับคุณสามีเก่า
พอวันหนึ่งที่มันเดินไปด้วยกันแล้วไม่มีความสุข ก็แค่ต้องตีจาก แต่แค่ต้องมีสติพอที่จะรู้ว่าต้องไปแล้วจริงๆ นะ แล้วคุณก็พิสูจน์ให้เห็นว่า แต่ละคนก็ดีขึ้น ?
นิวเคลียร์ : ใช่ค่ะ ดีขึ้นทุกคนเลย เป็นการตัดสินใจที่คิดว่าเราตัดสินใจถูก
น้องไทก้าเป็นยังไงบ้าง ?
นิวเคลียร์ : มีความสุขค่ะ คือเราสองคนยึดไทก้าเป็นหลักเลย ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรต่างๆ ก็คือเอาไทก้าเป็นหลัก ทุกวันนี้ที่ยังอยู่ด้วยกัน ทำอะไรด้วยกันเป็นเพื่อนกัน ไปไหนด้วยกันก็เพราะว่าไทก้า
ความสัมพันธ์ตอนที่เป็นเพื่อน แล้วมันมีกลิ่นอายของอดีตสามี ในช่วงแรกเป็นยังไงปรับตัวยากไหม ?
นิวเคลียร์ : มันไม่มีเลยสำหรับนิวนะ มันจบเลย เพราะว่ากว่าที่นิวจะมาถึงจุดที่นิวบอกเลิก คือนิวเป็นคนบอกเลิกเขา มันสะสมมาเยอะแล้ว เยอะมาก จนเรารู้สึกว่ารางวัลของการที่เราสะสมมาคือการจากไปโดยเราไม่เสียใจ คือเวลานิวให้คำปรึกษาเพื่อนนิวจะบอกเสมอว่า อย่าเพิ่งเลิกเอาให้สุดก่อน กลับไปดีกันเถอะ จะกี่รอบพันรอบก็ดีไปก่อน จนวันหนึ่งที่มันหมดแล้ว มันไม่รู้สึกอะไรแล้ว มันจะเดินออกไปง่ายมาก โดยที่เราไม่นึกเสียใจเลยที่เราเดินออกมา
เพราะบางคนเวลาเลิกมันก็ยังหวั่นๆ แต่ของนิววันนั้นก็คือรู้เลยว่ามันจบแล้ว ?
นิวเคลียร์ : ใช่มันจบแล้ว มันหมดแล้ว วันสุดท้ายที่รู้สึก คือเราชั่งน้ำหนักตลอดว่าเรามีความสุขมากกว่าหรือมีความทุกข์มากกว่า คือถ้าทุกข์พอๆ กันกับสุข มันโอเค แต่นี่ทุกข์มันเริ่มมากกว่า แล้วเราอยู่ในบ้านเรารู้สึกอึดอัด เรารู้สึกกดดัน เราไม่มีความสุขแล้ว เราคิดว่าต้องไปแล้วล่ะ
การออกมาจากความสัมพันธ์ แล้วมาตั้งต้นในการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ได้ตัดสินใจเอง ทำเองทุกอย่าง เหมือนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ไหนเล่าสิว่ามีอะไรบ้าง ?
นิวเคลียร์ : คือตอนแรกที่เราจะเดินออกมาไม่มีใครเห็นด้วยเลย แล้วตอนนั้นก็ไม่ค่อยมีคู่ดาราที่เขาประกาศเลิกกันเท่าไหร่ คือพ่อแม่บอกเลยว่าถ้าเธอเลิก เธอจะเป็นคู่แรกๆเลยนะ ไม่อายเหรอ เพื่อนบางคนก็แบบไม่อายเหรอ ทำไมไม่ทนเพื่อลูก ออกมาแล้วจะยังไงทำอะไร ดูแลลูกยังไงจะต้องโดนตราหน้าว่าชีวิตคู่ไม่สมบูรณ์แบบ แล้วเราเป็นพวกที่ตอนที่คบกันก็โอ้โหชีวิตฉันมีความสุข สามีฉันดี ฉันมีความสุข ฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดไม่อายเหรอ ช่างมันไม่สนใจแล้ว! ตอนนั้นรู้สึกว่าเราต้องดูแลใจตัวเอง คือหลายคนชอบบอกว่า มันต้องรักตัวเอง แต่มันมีอีกสิ่งหนึ่งที่คนอาจจะลืมไปว่า เราต้องมีความเห็นใจต่อตัวเอง ความเมตตา เวลาเพื่อนมาปรึกษาเราก็ไม่เป็นไรนะ ทำดีที่สุดแล้ว มันเหนื่อยแล้วเราไม่ต้องสู้กับใครแล้ว แต่เวลาเราบอกตัวเองสู้สิ อดทนสิ อะไรอย่างงี้ ลองเอาคำที่เราพูดกับเพื่อน มาพูดกับเราเองมันจะรู้สึกเบาขึ้น มันจะรู้สึกเรารักตัวเองจริงๆ ถ้าเราเป็นแบบนี้ นิวก็เลยไม่สนใจแล้วว่าใครจะมองยังไง เอาตัวเองก่อน แล้วนิวก็เดินออกมาเลย ก็เลิกเลย หย่าเลย เซ็นเลย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด รู้สึกว่าถ้านิวรักตัวเอง ใจดีต่อตัวเอง โลกมันจะใจดีกับเรา แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ มันไม่มีข้อเสียอะไรเลย ทุกอย่างมันดีหมด นิวได้ทำในสิ่งที่นิวอยากทำ ที่ไม่เคยได้ทำ อะไรที่นิวโดนบังคับห้ามทำ นิวก็ได้ทำ นิวก็ได้ไป
ห้ามทำเช่นอะไร ?
นิวเคลียร์ : ไปดำน้ำ เพราะเขาไม่อยากให้นิวไปเรียนดำน้ำ เขาไม่อยากให้นิวไปอยู่บนเรือ เขากลัวคนมาจีบอะไรงี้ คือเขาหวงนิวมาก คือเขาไม่ผิด คือทุกอย่างนิวเดินตามเส้นที่เขาขีดไว้หมด เขาไม่ให้เราเล่นเลิฟซีน เรื่องไหนมีไม่ให้เล่น เสื้อผ้าห้ามเกาะอก ห้ามสายเดี่ยวเส้นเล็กๆ ห้ามเว้าหลัง ห้ามกระโปรงสั้น เราก็บ้าทำตามเขาหมดไงตอนแรก เพราะเรารักเขาไง นี่ก็ได้ทำหมดเลย ไปต่างประเทศ ประเทศที่อยากไป อยากไปงาน Festival เราชอบ EDM แต่เขาไม่ชอบ เขาก็ไม่เคยพาเราไปเลย พอเลิกไปเอง จะไป Tomorrowland ก็ไป อะไรก็ไป ประเทศไหน ไปคนเดียวก็ไป พี่วู้ดดี้รู้ไหมตอนนิวไป Tomorrowland นิวยืนร้องไห้อ่ะ คือแบบ Hardwell ขึ้นทุกอย่าง เวทีที่เขาทำแบบเหมือน Disneyland อะไรอย่างงี้ พลุ ซาวด์ คน อากาศทุกอย่างแบบ ร้องไห้รู้สึกแบบขอบคุณตัวเองที่ก้าวข้ามผ่านจุดนั้นมาได้ที่เลือกในเส้นทางตัวเอง ได้มาเห็นได้มาทำอะไรแบบนี้ นี่คือชีวิตจริงๆ
คุยอะไรกับตัวเองในตอนที่มันเป็นวิกฤตที่สุด ?
นิวเคลียร์ : ก็พูดเหมือนที่บอกว่านิวจะพูดกับเพื่อนนั่นแหล่ะ เราทำดีที่สุดแล้วจริงๆ เราไม่ต้องสู้เพื่อใครแล้ว เราเต็มที่แล้ว พอเราเต็มที่พอมองย้อนกลับไปเราจะไม่เสียใจอดีตอยู่แล้ว นิวก็เชื่อว่านิวทำเต็มที่แล้ว นิวเป็นภรรยาที่ดี นิวเป็นแฟนที่ดี นิวเป็นแม่ที่ดี แต่ในเมื่อเขาไม่สามารถถนอมจิตใจเราได้แล้ว เราก็ถนอมจิตใจตัวเอง แล้วเดินก้าวต่อไปดีกว่า
เคยร้องไห้อยู่คนเดียวไหมก่อนหน้านี้ ?
นิวเคลียร์ : ประจำค่ะ ช่วงที่ยังไม่ได้เลิก มันเหนื่อย มันเครียดนะ คือนิวก็มานั่งย้อนสรุปที่เราเลิกกันมันเพราะอะไรกันแน่ ก็คิดมาตลอด จนมาตกผลึกว่าเหมือนนิวให้คุณค่ากับสิ่งๆหนึ่ง แต่พี่เขาไม่ได้ให้ความความสำคัญไม่ได้เห็นคุณค่าของสิ่งนั้น มันก็เลยไปด้วยกันไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นนิวให้คุณค่ากับคำพูดมาก คำพูดที่มากระทบจิตใจ คำพูดให้กำลังใจ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคำพูด แต่พี่เพชรไม่ได้ให้ค่ามัน บางทีพี่เพชรอารมณ์ไม่ดี พูดไปเรื่อย พูดไม่คิด พูดทำให้เราเสียใจ พูดให้เราเสียความรู้สึก หลายๆ ครั้งมันสะสมไง จนวันหนึ่งมันก็ไม่ไหวแล้ว คนพูดไม่คิดแต่คนฟังมันก็เก็บ
ไทก้าเคยถามไหมว่าพ่อกับแม่ทำไมไม่อยู่ด้วยกัน เคยคิดไหมก่อนจะเลิกว่าเราต้องตอบลูกว่ายังไง ?
นิวเคลียร์ : เคย นิวก็มีคำพูดมากมายที่แบบคิดไว้ในหัวเยอะมาก แต่พอเขาถามขึ้นมาจริงๆ มันก็จุกเหมือนกันนะ มันก็แบบไปไม่ถูกเหมือนกัน ก็บอกได้แค่ว่าปะป๊ากับหม่าม้าตอนนี้ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว เขาเข้าใจคำว่าแฟน ว่าแฟนคือการอยู่ด้วยกัน รักกัน มีลูกด้วยกัน แต่ว่าปะป๊ากับหม่ามี๊รักไทก้าที่สุดเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ถ้าแม้แบบความเป็นแฟนกัน มันจะเปลี่ยนไปนะลูกแต่ว่าความเป็นพ่อเป็นแม่ไม่มีเปลี่ยน
ไทก้าเขาพูดว่าอะไร ?
นิวเคลียร์ : ทำไมเวลานอนปะป๊า หม่ามี๊ถึงไม่นอนด้วย เดี๋ยวบ้านเราเสร็จหม่ามี๊ก็จะไม่มาอยู่บ้านปะป๊าแล้วใช่ไหม คือเขาแค่สงสัยแต่เขาไม่ได้อะไรหรอก แต่เรามันมันจี๊ดไง เพราะเราเคยเป็นเด็กสาวที่คิดว่าพอแต่งงานมีครอบครัวมีลูกแล้วมันคือจบนั่นคือสิ่งที่เราคิด สมบูรณ์แบบที่สุดแล้วนั่นคือสิ่งที่เราคิดไง แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย มันไม่จบ มันมีอีกหลายช่วงชีวิตมากๆ
ในสังคมวันนี้ก็คงแบ่งเป็นหลายเสียงจะทนอยู่หรือไม่ทนดี คุณว่าเราใช้อะไรในการตัดสินใจ ?
นิวเคลียร์ : ลองชั่งน้ำหนักความสุขกับความทุกข์นั่นแหล่ะ ถ้าสุขมันมากกว่าโอเคยังไงก็ทนอยู่แล้ว ถ้าทุกข์กับสุขพอๆ กันมันยังไปด้วยกันได้ ทุกข์ขึ้นมานิดหนึ่งก็ยังพอถูไถได้ แต่ถ้ามันทุกข์เยอะ แล้วเรารู้สึกว่าเราไม่มีความสุขเลย เราจะทนทำไม จะทนไปทำไม สู้เราออกไปแล้วมีชีวิตที่มีความสุขด้วยตัวเราเอง มันมีความสุขมากกว่าอยู่แล้ว
ชีวิตของคุณเป็นยังไงบ้างตอนนี้ มีผู้ชายไหม ?
นิวเคลียร์ : ก็มีมาเรื่อยๆ อยู่นะ (หัวเราะ) ตอนแรกเราก็กลัวนะว่าออกมาจะมีใครเข้ามาเหรอ เพราะว่าอายุด้วย มีลูกแล้วด้วย แต่งงานแล้วด้วย มันมีนะพี่วู้ดดี้ แล้วแบบมีเข้ามาก็คือ เด็กๆ เยอะมาก มีตั้งแต่อายุ 21 จาก IG อะไรอย่างงี้ ส่งข้อความนั่นนี่ หรือบางทีเราไปงาน เจอเด็กแบบซีรีส์วายอะไรอย่างงี้ ก็เป็นแนวนั้นเยอะมาก น้องทำไมไม่ชอบรุ่นเดียวกันเหรอ แบบอยากได้แม่เพิ่มเหรออะไรอย่างงี้ เขาก็บอกคุยกับพี่แล้วเป็นผู้ใหญ่ดี ไม่งี่เง่า แล้วแบบโอเค มีลูกแล้วยังดูแลตัวเองขนาดนี้ เขาก็ชอบ แต่ถ้าอายุน้อยมากๆ คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง โอเคไปเที่ยวอะไรสนุกๆได้ แต่แบบให้มาคุยถึงชีวิตจริงๆ มันยากมาก เพราะเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เราเจอมาเลย เราผ่านอะไรมาเยอะมาก แต่เขายังไม่เคยผ่านอะไรเลยที่แบบหนักๆ มาเลย ก็ยาก
แต่ตอนนี้คุณก็ไม่ได้ต้องการแฟน ?
นิวเคลียร์ : ไม่ ไม่ต้องการเลยค่ะ
สามารถติดตาม WOODY INTERVIEW ได้ที่ช่องทาง Facebook: Woody , Youtube: Woody
คลิกชมย้อนหลัง : https://www.youtube.com/watch?v=G6jVCQ8WnBA&ab_channel=WOODY
หลังกลับมาโสดอีกครั้งเรียกว่าสวยแซ่บขึ้นทุกวัน สำหรับนักแสดงสาว นิวเคลียร์ - หรรษา จึงวิวัฒนวงศ์ ล่าสุดมาเปิดใจในรายการ WOODY INTERVIEW เล่าถึงสาเหตุลึกๆ ของการเลิกรา ชีวิตเหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ รู้สึกขอบคุณตัวเองที่ก้าวข้ามผ่านจุดนั้นมาได้ มีความสุขด้วยตัวเอง ในตอนนี้ยังไม่คิดมีแฟนใหม่
เป็นยังไงบ้างชีวิตตอนนี้ ?
นิวเคลียร์ : ก็แฮปปี้นะคะ รู้สึกตัวเองเพิ่งโตเป็นสาว รู้สึกตอนนั้นเรามองย้อนกลับไป เราเด็กมากเลย
อะไรที่รู้สึกว่าเราเป็นเด็กในตอนนั้น ?
นิวเคลียร์ : ความคิดเป็นหลักเลย เด็กมาก ทำอะไรเองแทบจะไม่เป็น ต้องขึ้นอยู่กับคุณสามีเก่า
พอวันหนึ่งที่มันเดินไปด้วยกันแล้วไม่มีความสุข ก็แค่ต้องตีจาก แต่แค่ต้องมีสติพอที่จะรู้ว่าต้องไปแล้วจริงๆ นะ แล้วคุณก็พิสูจน์ให้เห็นว่า แต่ละคนก็ดีขึ้น ?
นิวเคลียร์ : ใช่ค่ะ ดีขึ้นทุกคนเลย เป็นการตัดสินใจที่คิดว่าเราตัดสินใจถูก
น้องไทก้าเป็นยังไงบ้าง ?
นิวเคลียร์ : มีความสุขค่ะ คือเราสองคนยึดไทก้าเป็นหลักเลย ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรต่างๆ ก็คือเอาไทก้าเป็นหลัก ทุกวันนี้ที่ยังอยู่ด้วยกัน ทำอะไรด้วยกันเป็นเพื่อนกัน ไปไหนด้วยกันก็เพราะว่าไทก้า
ความสัมพันธ์ตอนที่เป็นเพื่อน แล้วมันมีกลิ่นอายของอดีตสามี ในช่วงแรกเป็นยังไงปรับตัวยากไหม ?
นิวเคลียร์ : มันไม่มีเลยสำหรับนิวนะ มันจบเลย เพราะว่ากว่าที่นิวจะมาถึงจุดที่นิวบอกเลิก คือนิวเป็นคนบอกเลิกเขา มันสะสมมาเยอะแล้ว เยอะมาก จนเรารู้สึกว่ารางวัลของการที่เราสะสมมาคือการจากไปโดยเราไม่เสียใจ คือเวลานิวให้คำปรึกษาเพื่อนนิวจะบอกเสมอว่า อย่าเพิ่งเลิกเอาให้สุดก่อน กลับไปดีกันเถอะ จะกี่รอบพันรอบก็ดีไปก่อน จนวันหนึ่งที่มันหมดแล้ว มันไม่รู้สึกอะไรแล้ว มันจะเดินออกไปง่ายมาก โดยที่เราไม่นึกเสียใจเลยที่เราเดินออกมา
เพราะบางคนเวลาเลิกมันก็ยังหวั่นๆ แต่ของนิววันนั้นก็คือรู้เลยว่ามันจบแล้ว ?
นิวเคลียร์ : ใช่มันจบแล้ว มันหมดแล้ว วันสุดท้ายที่รู้สึก คือเราชั่งน้ำหนักตลอดว่าเรามีความสุขมากกว่าหรือมีความทุกข์มากกว่า คือถ้าทุกข์พอๆ กันกับสุข มันโอเค แต่นี่ทุกข์มันเริ่มมากกว่า แล้วเราอยู่ในบ้านเรารู้สึกอึดอัด เรารู้สึกกดดัน เราไม่มีความสุขแล้ว เราคิดว่าต้องไปแล้วล่ะ
การออกมาจากความสัมพันธ์ แล้วมาตั้งต้นในการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ได้ตัดสินใจเอง ทำเองทุกอย่าง เหมือนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ไหนเล่าสิว่ามีอะไรบ้าง ?
นิวเคลียร์ : คือตอนแรกที่เราจะเดินออกมาไม่มีใครเห็นด้วยเลย แล้วตอนนั้นก็ไม่ค่อยมีคู่ดาราที่เขาประกาศเลิกกันเท่าไหร่ คือพ่อแม่บอกเลยว่าถ้าเธอเลิก เธอจะเป็นคู่แรกๆเลยนะ ไม่อายเหรอ เพื่อนบางคนก็แบบไม่อายเหรอ ทำไมไม่ทนเพื่อลูก ออกมาแล้วจะยังไงทำอะไร ดูแลลูกยังไงจะต้องโดนตราหน้าว่าชีวิตคู่ไม่สมบูรณ์แบบ แล้วเราเป็นพวกที่ตอนที่คบกันก็โอ้โหชีวิตฉันมีความสุข สามีฉันดี ฉันมีความสุข ฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดไม่อายเหรอ ช่างมันไม่สนใจแล้ว! ตอนนั้นรู้สึกว่าเราต้องดูแลใจตัวเอง คือหลายคนชอบบอกว่า มันต้องรักตัวเอง แต่มันมีอีกสิ่งหนึ่งที่คนอาจจะลืมไปว่า เราต้องมีความเห็นใจต่อตัวเอง ความเมตตา เวลาเพื่อนมาปรึกษาเราก็ไม่เป็นไรนะ ทำดีที่สุดแล้ว มันเหนื่อยแล้วเราไม่ต้องสู้กับใครแล้ว แต่เวลาเราบอกตัวเองสู้สิ อดทนสิ อะไรอย่างงี้ ลองเอาคำที่เราพูดกับเพื่อน มาพูดกับเราเองมันจะรู้สึกเบาขึ้น มันจะรู้สึกเรารักตัวเองจริงๆ ถ้าเราเป็นแบบนี้ นิวก็เลยไม่สนใจแล้วว่าใครจะมองยังไง เอาตัวเองก่อน แล้วนิวก็เดินออกมาเลย ก็เลิกเลย หย่าเลย เซ็นเลย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด รู้สึกว่าถ้านิวรักตัวเอง ใจดีต่อตัวเอง โลกมันจะใจดีกับเรา แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ มันไม่มีข้อเสียอะไรเลย ทุกอย่างมันดีหมด นิวได้ทำในสิ่งที่นิวอยากทำ ที่ไม่เคยได้ทำ อะไรที่นิวโดนบังคับห้ามทำ นิวก็ได้ทำ นิวก็ได้ไป
ห้ามทำเช่นอะไร ?
นิวเคลียร์ : ไปดำน้ำ เพราะเขาไม่อยากให้นิวไปเรียนดำน้ำ เขาไม่อยากให้นิวไปอยู่บนเรือ เขากลัวคนมาจีบอะไรงี้ คือเขาหวงนิวมาก คือเขาไม่ผิด คือทุกอย่างนิวเดินตามเส้นที่เขาขีดไว้หมด เขาไม่ให้เราเล่นเลิฟซีน เรื่องไหนมีไม่ให้เล่น เสื้อผ้าห้ามเกาะอก ห้ามสายเดี่ยวเส้นเล็กๆ ห้ามเว้าหลัง ห้ามกระโปรงสั้น เราก็บ้าทำตามเขาหมดไงตอนแรก เพราะเรารักเขาไง นี่ก็ได้ทำหมดเลย ไปต่างประเทศ ประเทศที่อยากไป อยากไปงาน Festival เราชอบ EDM แต่เขาไม่ชอบ เขาก็ไม่เคยพาเราไปเลย พอเลิกไปเอง จะไป Tomorrowland ก็ไป อะไรก็ไป ประเทศไหน ไปคนเดียวก็ไป พี่วู้ดดี้รู้ไหมตอนนิวไป Tomorrowland นิวยืนร้องไห้อ่ะ คือแบบ Hardwell ขึ้นทุกอย่าง เวทีที่เขาทำแบบเหมือน Disneyland อะไรอย่างงี้ พลุ ซาวด์ คน อากาศทุกอย่างแบบ ร้องไห้รู้สึกแบบขอบคุณตัวเองที่ก้าวข้ามผ่านจุดนั้นมาได้ที่เลือกในเส้นทางตัวเอง ได้มาเห็นได้มาทำอะไรแบบนี้ นี่คือชีวิตจริงๆ
คุยอะไรกับตัวเองในตอนที่มันเป็นวิกฤตที่สุด ?
นิวเคลียร์ : ก็พูดเหมือนที่บอกว่านิวจะพูดกับเพื่อนนั่นแหล่ะ เราทำดีที่สุดแล้วจริงๆ เราไม่ต้องสู้เพื่อใครแล้ว เราเต็มที่แล้ว พอเราเต็มที่พอมองย้อนกลับไปเราจะไม่เสียใจอดีตอยู่แล้ว นิวก็เชื่อว่านิวทำเต็มที่แล้ว นิวเป็นภรรยาที่ดี นิวเป็นแฟนที่ดี นิวเป็นแม่ที่ดี แต่ในเมื่อเขาไม่สามารถถนอมจิตใจเราได้แล้ว เราก็ถนอมจิตใจตัวเอง แล้วเดินก้าวต่อไปดีกว่า
เคยร้องไห้อยู่คนเดียวไหมก่อนหน้านี้ ?
นิวเคลียร์ : ประจำค่ะ ช่วงที่ยังไม่ได้เลิก มันเหนื่อย มันเครียดนะ คือนิวก็มานั่งย้อนสรุปที่เราเลิกกันมันเพราะอะไรกันแน่ ก็คิดมาตลอด จนมาตกผลึกว่าเหมือนนิวให้คุณค่ากับสิ่งๆหนึ่ง แต่พี่เขาไม่ได้ให้ความความสำคัญไม่ได้เห็นคุณค่าของสิ่งนั้น มันก็เลยไปด้วยกันไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นนิวให้คุณค่ากับคำพูดมาก คำพูดที่มากระทบจิตใจ คำพูดให้กำลังใจ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับคำพูด แต่พี่เพชรไม่ได้ให้ค่ามัน บางทีพี่เพชรอารมณ์ไม่ดี พูดไปเรื่อย พูดไม่คิด พูดทำให้เราเสียใจ พูดให้เราเสียความรู้สึก หลายๆ ครั้งมันสะสมไง จนวันหนึ่งมันก็ไม่ไหวแล้ว คนพูดไม่คิดแต่คนฟังมันก็เก็บ
ไทก้าเคยถามไหมว่าพ่อกับแม่ทำไมไม่อยู่ด้วยกัน เคยคิดไหมก่อนจะเลิกว่าเราต้องตอบลูกว่ายังไง ?
นิวเคลียร์ : เคย นิวก็มีคำพูดมากมายที่แบบคิดไว้ในหัวเยอะมาก แต่พอเขาถามขึ้นมาจริงๆ มันก็จุกเหมือนกันนะ มันก็แบบไปไม่ถูกเหมือนกัน ก็บอกได้แค่ว่าปะป๊ากับหม่าม้าตอนนี้ไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว เขาเข้าใจคำว่าแฟน ว่าแฟนคือการอยู่ด้วยกัน รักกัน มีลูกด้วยกัน แต่ว่าปะป๊ากับหม่ามี๊รักไทก้าที่สุดเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ถ้าแม้แบบความเป็นแฟนกัน มันจะเปลี่ยนไปนะลูกแต่ว่าความเป็นพ่อเป็นแม่ไม่มีเปลี่ยน
ไทก้าเขาพูดว่าอะไร ?
นิวเคลียร์ : ทำไมเวลานอนปะป๊า หม่ามี๊ถึงไม่นอนด้วย เดี๋ยวบ้านเราเสร็จหม่ามี๊ก็จะไม่มาอยู่บ้านปะป๊าแล้วใช่ไหม คือเขาแค่สงสัยแต่เขาไม่ได้อะไรหรอก แต่เรามันมันจี๊ดไง เพราะเราเคยเป็นเด็กสาวที่คิดว่าพอแต่งงานมีครอบครัวมีลูกแล้วมันคือจบนั่นคือสิ่งที่เราคิด สมบูรณ์แบบที่สุดแล้วนั่นคือสิ่งที่เราคิดไง แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย มันไม่จบ มันมีอีกหลายช่วงชีวิตมากๆ
ในสังคมวันนี้ก็คงแบ่งเป็นหลายเสียงจะทนอยู่หรือไม่ทนดี คุณว่าเราใช้อะไรในการตัดสินใจ ?
นิวเคลียร์ : ลองชั่งน้ำหนักความสุขกับความทุกข์นั่นแหล่ะ ถ้าสุขมันมากกว่าโอเคยังไงก็ทนอยู่แล้ว ถ้าทุกข์กับสุขพอๆ กันมันยังไปด้วยกันได้ ทุกข์ขึ้นมานิดหนึ่งก็ยังพอถูไถได้ แต่ถ้ามันทุกข์เยอะ แล้วเรารู้สึกว่าเราไม่มีความสุขเลย เราจะทนทำไม จะทนไปทำไม สู้เราออกไปแล้วมีชีวิตที่มีความสุขด้วยตัวเราเอง มันมีความสุขมากกว่าอยู่แล้ว
ชีวิตของคุณเป็นยังไงบ้างตอนนี้ มีผู้ชายไหม ?
นิวเคลียร์ : ก็มีมาเรื่อยๆ อยู่นะ (หัวเราะ) ตอนแรกเราก็กลัวนะว่าออกมาจะมีใครเข้ามาเหรอ เพราะว่าอายุด้วย มีลูกแล้วด้วย แต่งงานแล้วด้วย มันมีนะพี่วู้ดดี้ แล้วแบบมีเข้ามาก็คือ เด็กๆ เยอะมาก มีตั้งแต่อายุ 21 จาก IG อะไรอย่างงี้ ส่งข้อความนั่นนี่ หรือบางทีเราไปงาน เจอเด็กแบบซีรีส์วายอะไรอย่างงี้ ก็เป็นแนวนั้นเยอะมาก น้องทำไมไม่ชอบรุ่นเดียวกันเหรอ แบบอยากได้แม่เพิ่มเหรออะไรอย่างงี้ เขาก็บอกคุยกับพี่แล้วเป็นผู้ใหญ่ดี ไม่งี่เง่า แล้วแบบโอเค มีลูกแล้วยังดูแลตัวเองขนาดนี้ เขาก็ชอบ แต่ถ้าอายุน้อยมากๆ คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง โอเคไปเที่ยวอะไรสนุกๆได้ แต่แบบให้มาคุยถึงชีวิตจริงๆ มันยากมาก เพราะเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เราเจอมาเลย เราผ่านอะไรมาเยอะมาก แต่เขายังไม่เคยผ่านอะไรเลยที่แบบหนักๆ มาเลย ก็ยาก
แต่ตอนนี้คุณก็ไม่ได้ต้องการแฟน ?
นิวเคลียร์ : ไม่ ไม่ต้องการเลยค่ะ
สามารถติดตาม WOODY INTERVIEW ได้ที่ช่องทาง Facebook: Woody , Youtube: Woody
คลิกชมย้อนหลัง : https://www.youtube.com/watch?v=G6jVCQ8WnBA&ab_channel=WOODY
โหลดเพิ่มโหลดเพิ่มฟรี 300 ไม่ ต้อง ฝากทะยานกันแบบไม่หยุด สำหรับตัวเลขรายได้ สัปเหร่อ หนึ่งในหนังจักรวาลไทบ้าน ที่ตอนนี้แตะ 600 ล้านไปแล้ว เพราะนอกจากผู้กำกับจะเดินสายขอบคุณกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว แต่อีกหนึ่งคนที่ถูกพูดถึงก็คือ บักเจิด พระเอกของเรื่อง ที่รับบทโดย เน็ค นฤพล จากนักร้องสังกัด แกรมมี่โกล์ด สู่ตำแหน่งพระเอก 600 ล้าน มาพูดถึงความสำเร็จครั้งนี้ในรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องOne31 พร้อมเล่าเหตุการณ์ถูกผีปลุกกลางกองถ่าย รวมไปถึงถูกผู้หญิงไดเร็ก ชวนทำคลิป OnlyFans อีกด้วย
ตอนนี้ได้ฉายาว่า พระเอก 600 ล้าน?
"มันไม่ใช่ฝันเลย เพราะเราไม่เคยฝัน ว่ามันจะมีวันนี้ เขินทุกครั้งที่คนเรียกเราว่าพระเอก 600 ล้าน เพราะตัวละครในหนังเรื่องนี้เป็นพระเอกทุกคน และผมก็เขินทุกครั้งที่เขาบอกว่าเราคือ เดอะพระเอก เพราะก่อนหน้านี้คนก็รู้จักเราบ้าง ว่าเราเป็นนักร้อง ค่ายแกรมมี่โกลด์ ถามว่าผมภูมิใจกับตำแหน่งพระเอก 600 ล้านไหม ผมก็ขอบคุณ ผมเป็นแค่ตัวประกอบคนนึงเท่านั้น แต่ผมดีใจสุดคือแม่มาชื่นชมผม วันนั้นมีงานไปที่บุรีรัมย์ พอเราลงเครื่องมา ก็มีคนมารอเยอะ ไอ้เราก็คิดว่าเขาคงมารอคนที่จะมาแข่ง มอเตอร์จีพีที่บุรีรัมย์แน่ๆ แต่พอเราออกมาจากที่รับกระเป๋า ก็มีคนวิ่งมารุมเรา เรียกชื่อพี่เจิด แม่ก็โทรมาถามว่าเห็นลงเครื่องนานแล้ว แต่ทำไมยังมาไม่ถึงสักที ก็บอกไปว่ามีคนเข้ามารุมถ่ายรูป เราเลยถามแม่ ว่าภูมิใจไหม จากเด็กบ้านนอก ทำงานร้านสะดวกซื้อ เขาก็บอกว่าภูมิใจมากๆ”
ชีวิตเปลี่ยนไปไหม?
“ผมมีผลงานเพลง คนรู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง เพลงที่ออกมาเจอโควิดพอดี ก็เลยไม่ได้มีความรู้สึกว่าเรากำลังมีกระแส แต่พอหนังออนแอร์ไป เราก็คุยกับตัวเองว่านี่ชีวิตกูจริงๆ เหรอ เดือน พย. ผมมีงานเต็มทุกวัน บางวัน 2-3 งาน เดือน ธค. ก็จะเต็มแล้ว ไม่มีใครเรียกผมว่าเน็ค เรียกผมว่าเจิดอย่างเดียว (ยิ้ม) ส่วนสิ่งที่เปลี่ยนไปจนมีถามกับตัวเอง อย่างปกติเป็นเน็ค เราไปตลาดมีคนถ่ายรูปคนนึง แค่นี้ เราเดินซื้อของ ก็มีความสุขแล้ว อย่างน้อยมีคนจำได้ แต่วันนี้มีคนเดินเข้ามาแสดงความยินดีด้วย เราก็ภูมิใจด้วย ยกมือไหว้ขอบคุณครับ เราเดินไปไหนมาไหน มีคนรู้จักเราแล้วเหรอ และมีคำพูดจากพี่มนต์แคน ว่าตอนที่เรายังไม่มีชื่อเสียง เราต้องตักตวงความสุขในแต่ละวันให้มากที่สุด แต่วันใดเรามีชื่อเสียงขึ้นมา มันจะไม่ได้พักได้ผ่อน เลยทำให้ที่ผ่านมาผมดื่มหนักมากครับ พอมาวันนี้ก็พักดื่มไปเลย”
แต่พอดังแล้วก็โดนคุกคามทางเพศ?
“ทีแรกก็ตื่นเต้นกับการที่เขา DM มา พอเห็นข้อความปุ๊ป ก็เข้าไปดูโปรไฟล์ ปกติเราก็แค่เข้าไปตอบขอบคุณครับ แต่คนนี้ DM เข้ามาบอกว่า สนใจรับงานโอลี่แฟนหรือเปล่า อ่านไปก็สตั้น ว้าว! แปลกใหม่ มันก็น่าสนใจอยู่นะ (ยิ้ม) เราก็ศึกษามาพอสมควร (หัวเราะ) ผมก็ตอบไปว่าไม่รับครับ ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าผมเป็นคนขี้เล่น แต่หลังจากนั้น เขาก็ยังทักมาว่า มีหมวกให้ใส่ มีแว่นให้ใส่ ไม่ต้องกลัวหลุดนะ ทีมงานเราจะเก็บความลับให้ คนที่ดูคลิปไม่รู้แน่ๆ ว่าเป็นเน็ค แต่ถ้าผมรับ คนจะจำเล็บผมได้ (หัวเราะ ) แต่ที่แปลกๆ อีก ก็คือส่งรูปมาให้ผมดู ผมก็ว้าว มันอลังการมากครับ พอเปิดไปถ่างมาขนาดนี้เลยเหรอ ซึ่งผมไม่ได้ส่งกลับ เพราถ้าเขาเป็นโรคหัวใจ เห็นรูปที่ผมส่งกลับไป เขาตายได้เลยนะครับ (ยิ้ม) แต่ก็ลบบทสนทนาทิ้งหมดแล้ว แต่ก็จะบอกว่าเชิญชวนไม่ให้หมกหมุ่นกับเรื่องนี้ แม้ผมจะดูน่าขย้ำบ้าง แต่อย่าส่งอะไรแบบนี้มาเลย รักกันสนับสนุนผมแบบนี้ตลอดไป ไม่ใช่จะบอกว่าโอลี่แฟนไม่ดีนะ มันดี มันสามารถสร้างรายได้ให้หลายๆ คน แต่ว่าผมยังไม่รับทำครับ”
เริ่มดัง สิ่งที่กลัวที่สุดคือกลัวใจตัวเอง?
“ครูสลาเคยพูดกับผมว่า ดังมาเมื่อไร สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่คนรอบข้าง แต่มันคือใจของเราเอง อย่างโอลี่แฟน ถ้าเราหวั่นไหวหน่อย เขาเข้ามาด้วยเหตุผลอะไร บางคนอาจจะเข้ามาด้วยเหตุผลบางประการ ถ้าเรามีแฟนแล้วก็อย่าไปเรื่อย”
ตอนนี้หัวใจเป็นไงบ้าง?
“ตอนนี้ก็มีคนคุยๆ อยู่ ในสถานะคนคุยที่รู้ใจมากครับ คุยกันสักพักนึง เป็นคนนอกวงการ เขาเป็นคนเข้าใจผมทุกเรื่อง ผมไม่ชอบตอบไลน์ ไม่ตอบแชท ผมชอบให้โทรมา ก็เลยอยากบอกทุกคนว่ามีอะไรให้โทรมา เพราะขนาดแฟนผมแชทมา ผมยังไม่ตอบเลย (ไหนบอกว่าเป็นแค่คนคุย แต่นี่เรียกแฟนแล้ว?) เป็นคนคุยด้วยที่จะขยับเป็นแฟน เรายังไม่เหมาะกับเขา ยังไม่ได้มีเวลาไปดูแลเขา แม้ผมจะเป็นพระเอก 600 ล้าน แต่มันก็ไม่ใช่เงินผม (ยิ้ม) แต่ตอนนี้ก็กำลังจะสร้างเนื้อสร้างตัว ซึ่งตอนเจอกันคือตอนนั้นเขาทำน้ำหกใส่รองเท้าตัวเอง เราเห็นเพื่อนเรารองเท้าเปื้อน เราก็ก้มลงไปเช็ดและถอดรองเท้าให้เขาก่อน ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้ชอบอะไรกันเลย สุดท้ายหลังๆ ได้คุยกัน เขาก็บอกว่าซีนนี้ประทับใจมากที่สุด เราเป็นคนซื่อๆ บอกว่าชอบก็ชอบเลย (เราอยากบอกอะไรเขา?) ก็ขอเก็บเงินสักพักนึง พอมีค่าสินสอด ถ้าพร้อมกันทั้งคู่ ถ้าเธอไม่มีใคร เราไม่มีใคร ก็จะให้แม่ไปขอครับ”
ตอนนี้เราดังมาก เขาหึงเราไหม?
“ก็น่าจะนะครับ อย่างตอนหนังดังใหม่ๆ มีน้องนักศึกษามากอดเอว เราก็เกาะไหล่ ถ่ายรูป เขาเห็นรูป ก็ทักว่า มือๆ เขาถามว่ามันต้องขนาดนี้เหรอ เราก็บอกไปว่าตามน้ำไป(ยิ้ม)”
อย่างตอนถ่ายทำ "สัปเหร่อ" เห็นว่าเจอผีมาปลุกกลางกองถ่าย?
“ต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้เขาถ่ายในสถานที่จริงๆ ป่าช้าจริง เมรุเผาศพจริงๆ วันนั้นเขาถ่ายกันอยู่ ผมง่วง ก็เลยไปนอนตรงที่เขาวางศพไว้ นอนไปสักพักนึง รู้สึกว่ามีคนมาปลุกแบบแรงมาก ตอนแรกจะไม่ลืมตา เพราะมันยังเหลืออีก 2 ฉากกว่าเราจะเข้า ซึ่งฉากนี้ต้องถ่ายทำอีกนาน และเราเป็นคนขี้เล่นด้วย นึกว่าทีมงานมาหยอกกันเฉยๆ เพราะมาเขย่าตัวเราว่าตื่นๆ พอตื่นขึ้นมาจะด่าแบบเล่นๆ ว่าคนจะนอน พอลืมตาขึ้นมา ไม่มีใครอยู่ใกล้เลย มันเพียงไม่กี่วิ เรายังรู้สึกว่ามีคนมาจับมือเพื่อให้เราตื่น จากง่วงๆ ตอนนั้น วันนั้นทั้งวันไม่นอนเลย เราก็เลยขอขมาเพราะว่าเราอาจจะมาในสถานที่ใหม่ หรือว่าก่อนหน้านั้นเราไปฉี่ เราอาจจะไปฉี่ผิดที่ก็เป็นได้”
และฉากไหนยากที่สุด?
“คือฉากที่ต้องร้องไห้ ถ้าถามว่าเราร้องได้ไหม 5-4-3-2-1 เราร้องได้ แต่ในหนังเรื่องนี้ ผู้กำกับคือต้องเต พอเราร้องได้ เขาก็บอกว่าคัท เดินมาจับเข่า และพูดว่า ไอ้เน็คครับ ไม่ได้อยากได้เน็คร้องไห้ อยากได้บักเจิดร้องครับ พ่อบักเจิดตาย พ่อบักเจิดตาย เท่านั้นแหละ เราก็เก็ทเลยว่าเขาต้องการอารมณ์แบบไหน”
ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
ทะยานกันแบบไม่หยุด สำหรับตัวเลขรายได้ สัปเหร่อ หนึ่งในหนังจักรวาลไทบ้าน ที่ตอนนี้แตะ 600 ล้านไปแล้ว เพราะนอกจากผู้กำกับจะเดินสายขอบคุณกับปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว แต่อีกหนึ่งคนที่ถูกพูดถึงก็คือ บักเจิด พระเอกของเรื่อง ที่รับบทโดย เน็ค นฤพล จากนักร้องสังกัด แกรมมี่โกล์ด สู่ตำแหน่งพระเอก 600 ล้าน มาพูดถึงความสำเร็จครั้งนี้ในรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องOne31 พร้อมเล่าเหตุการณ์ถูกผีปลุกกลางกองถ่าย รวมไปถึงถูกผู้หญิงไดเร็ก ชวนทำคลิป OnlyFans อีกด้วย
ตอนนี้ได้ฉายาว่า พระเอก 600 ล้าน?
"มันไม่ใช่ฝันเลย เพราะเราไม่เคยฝัน ว่ามันจะมีวันนี้ เขินทุกครั้งที่คนเรียกเราว่าพระเอก 600 ล้าน เพราะตัวละครในหนังเรื่องนี้เป็นพระเอกทุกคน และผมก็เขินทุกครั้งที่เขาบอกว่าเราคือ เดอะพระเอก เพราะก่อนหน้านี้คนก็รู้จักเราบ้าง ว่าเราเป็นนักร้อง ค่ายแกรมมี่โกลด์ ถามว่าผมภูมิใจกับตำแหน่งพระเอก 600 ล้านไหม ผมก็ขอบคุณ ผมเป็นแค่ตัวประกอบคนนึงเท่านั้น แต่ผมดีใจสุดคือแม่มาชื่นชมผม วันนั้นมีงานไปที่บุรีรัมย์ พอเราลงเครื่องมา ก็มีคนมารอเยอะ ไอ้เราก็คิดว่าเขาคงมารอคนที่จะมาแข่ง มอเตอร์จีพีที่บุรีรัมย์แน่ๆ แต่พอเราออกมาจากที่รับกระเป๋า ก็มีคนวิ่งมารุมเรา เรียกชื่อพี่เจิด แม่ก็โทรมาถามว่าเห็นลงเครื่องนานแล้ว แต่ทำไมยังมาไม่ถึงสักที ก็บอกไปว่ามีคนเข้ามารุมถ่ายรูป เราเลยถามแม่ ว่าภูมิใจไหม จากเด็กบ้านนอก ทำงานร้านสะดวกซื้อ เขาก็บอกว่าภูมิใจมากๆ”
ชีวิตเปลี่ยนไปไหม?
“ผมมีผลงานเพลง คนรู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง เพลงที่ออกมาเจอโควิดพอดี ก็เลยไม่ได้มีความรู้สึกว่าเรากำลังมีกระแส แต่พอหนังออนแอร์ไป เราก็คุยกับตัวเองว่านี่ชีวิตกูจริงๆ เหรอ เดือน พย. ผมมีงานเต็มทุกวัน บางวัน 2-3 งาน เดือน ธค. ก็จะเต็มแล้ว ไม่มีใครเรียกผมว่าเน็ค เรียกผมว่าเจิดอย่างเดียว (ยิ้ม) ส่วนสิ่งที่เปลี่ยนไปจนมีถามกับตัวเอง อย่างปกติเป็นเน็ค เราไปตลาดมีคนถ่ายรูปคนนึง แค่นี้ เราเดินซื้อของ ก็มีความสุขแล้ว อย่างน้อยมีคนจำได้ แต่วันนี้มีคนเดินเข้ามาแสดงความยินดีด้วย เราก็ภูมิใจด้วย ยกมือไหว้ขอบคุณครับ เราเดินไปไหนมาไหน มีคนรู้จักเราแล้วเหรอ และมีคำพูดจากพี่มนต์แคน ว่าตอนที่เรายังไม่มีชื่อเสียง เราต้องตักตวงความสุขในแต่ละวันให้มากที่สุด แต่วันใดเรามีชื่อเสียงขึ้นมา มันจะไม่ได้พักได้ผ่อน เลยทำให้ที่ผ่านมาผมดื่มหนักมากครับ พอมาวันนี้ก็พักดื่มไปเลย”
แต่พอดังแล้วก็โดนคุกคามทางเพศ?
“ทีแรกก็ตื่นเต้นกับการที่เขา DM มา พอเห็นข้อความปุ๊ป ก็เข้าไปดูโปรไฟล์ ปกติเราก็แค่เข้าไปตอบขอบคุณครับ แต่คนนี้ DM เข้ามาบอกว่า สนใจรับงานโอลี่แฟนหรือเปล่า อ่านไปก็สตั้น ว้าว! แปลกใหม่ มันก็น่าสนใจอยู่นะ (ยิ้ม) เราก็ศึกษามาพอสมควร (หัวเราะ) ผมก็ตอบไปว่าไม่รับครับ ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าผมเป็นคนขี้เล่น แต่หลังจากนั้น เขาก็ยังทักมาว่า มีหมวกให้ใส่ มีแว่นให้ใส่ ไม่ต้องกลัวหลุดนะ ทีมงานเราจะเก็บความลับให้ คนที่ดูคลิปไม่รู้แน่ๆ ว่าเป็นเน็ค แต่ถ้าผมรับ คนจะจำเล็บผมได้ (หัวเราะ ) แต่ที่แปลกๆ อีก ก็คือส่งรูปมาให้ผมดู ผมก็ว้าว มันอลังการมากครับ พอเปิดไปถ่างมาขนาดนี้เลยเหรอ ซึ่งผมไม่ได้ส่งกลับ เพราถ้าเขาเป็นโรคหัวใจ เห็นรูปที่ผมส่งกลับไป เขาตายได้เลยนะครับ (ยิ้ม) แต่ก็ลบบทสนทนาทิ้งหมดแล้ว แต่ก็จะบอกว่าเชิญชวนไม่ให้หมกหมุ่นกับเรื่องนี้ แม้ผมจะดูน่าขย้ำบ้าง แต่อย่าส่งอะไรแบบนี้มาเลย รักกันสนับสนุนผมแบบนี้ตลอดไป ไม่ใช่จะบอกว่าโอลี่แฟนไม่ดีนะ มันดี มันสามารถสร้างรายได้ให้หลายๆ คน แต่ว่าผมยังไม่รับทำครับ”
เริ่มดัง สิ่งที่กลัวที่สุดคือกลัวใจตัวเอง?
“ครูสลาเคยพูดกับผมว่า ดังมาเมื่อไร สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่คนรอบข้าง แต่มันคือใจของเราเอง อย่างโอลี่แฟน ถ้าเราหวั่นไหวหน่อย เขาเข้ามาด้วยเหตุผลอะไร บางคนอาจจะเข้ามาด้วยเหตุผลบางประการ ถ้าเรามีแฟนแล้วก็อย่าไปเรื่อย”
ตอนนี้หัวใจเป็นไงบ้าง?
“ตอนนี้ก็มีคนคุยๆ อยู่ ในสถานะคนคุยที่รู้ใจมากครับ คุยกันสักพักนึง เป็นคนนอกวงการ เขาเป็นคนเข้าใจผมทุกเรื่อง ผมไม่ชอบตอบไลน์ ไม่ตอบแชท ผมชอบให้โทรมา ก็เลยอยากบอกทุกคนว่ามีอะไรให้โทรมา เพราะขนาดแฟนผมแชทมา ผมยังไม่ตอบเลย (ไหนบอกว่าเป็นแค่คนคุย แต่นี่เรียกแฟนแล้ว?) เป็นคนคุยด้วยที่จะขยับเป็นแฟน เรายังไม่เหมาะกับเขา ยังไม่ได้มีเวลาไปดูแลเขา แม้ผมจะเป็นพระเอก 600 ล้าน แต่มันก็ไม่ใช่เงินผม (ยิ้ม) แต่ตอนนี้ก็กำลังจะสร้างเนื้อสร้างตัว ซึ่งตอนเจอกันคือตอนนั้นเขาทำน้ำหกใส่รองเท้าตัวเอง เราเห็นเพื่อนเรารองเท้าเปื้อน เราก็ก้มลงไปเช็ดและถอดรองเท้าให้เขาก่อน ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้ชอบอะไรกันเลย สุดท้ายหลังๆ ได้คุยกัน เขาก็บอกว่าซีนนี้ประทับใจมากที่สุด เราเป็นคนซื่อๆ บอกว่าชอบก็ชอบเลย (เราอยากบอกอะไรเขา?) ก็ขอเก็บเงินสักพักนึง พอมีค่าสินสอด ถ้าพร้อมกันทั้งคู่ ถ้าเธอไม่มีใคร เราไม่มีใคร ก็จะให้แม่ไปขอครับ”
ตอนนี้เราดังมาก เขาหึงเราไหม?
“ก็น่าจะนะครับ อย่างตอนหนังดังใหม่ๆ มีน้องนักศึกษามากอดเอว เราก็เกาะไหล่ ถ่ายรูป เขาเห็นรูป ก็ทักว่า มือๆ เขาถามว่ามันต้องขนาดนี้เหรอ เราก็บอกไปว่าตามน้ำไป(ยิ้ม)”
อย่างตอนถ่ายทำ "สัปเหร่อ" เห็นว่าเจอผีมาปลุกกลางกองถ่าย?
“ต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้เขาถ่ายในสถานที่จริงๆ ป่าช้าจริง เมรุเผาศพจริงๆ วันนั้นเขาถ่ายกันอยู่ ผมง่วง ก็เลยไปนอนตรงที่เขาวางศพไว้ นอนไปสักพักนึง รู้สึกว่ามีคนมาปลุกแบบแรงมาก ตอนแรกจะไม่ลืมตา เพราะมันยังเหลืออีก 2 ฉากกว่าเราจะเข้า ซึ่งฉากนี้ต้องถ่ายทำอีกนาน และเราเป็นคนขี้เล่นด้วย นึกว่าทีมงานมาหยอกกันเฉยๆ เพราะมาเขย่าตัวเราว่าตื่นๆ พอตื่นขึ้นมาจะด่าแบบเล่นๆ ว่าคนจะนอน พอลืมตาขึ้นมา ไม่มีใครอยู่ใกล้เลย มันเพียงไม่กี่วิ เรายังรู้สึกว่ามีคนมาจับมือเพื่อให้เราตื่น จากง่วงๆ ตอนนั้น วันนั้นทั้งวันไม่นอนเลย เราก็เลยขอขมาเพราะว่าเราอาจจะมาในสถานที่ใหม่ หรือว่าก่อนหน้านั้นเราไปฉี่ เราอาจจะไปฉี่ผิดที่ก็เป็นได้”
และฉากไหนยากที่สุด?
“คือฉากที่ต้องร้องไห้ ถ้าถามว่าเราร้องได้ไหม 5-4-3-2-1 เราร้องได้ แต่ในหนังเรื่องนี้ ผู้กำกับคือต้องเต พอเราร้องได้ เขาก็บอกว่าคัท เดินมาจับเข่า และพูดว่า ไอ้เน็คครับ ไม่ได้อยากได้เน็คร้องไห้ อยากได้บักเจิดร้องครับ พ่อบักเจิดตาย พ่อบักเจิดตาย เท่านั้นแหละ เราก็เก็ทเลยว่าเขาต้องการอารมณ์แบบไหน”
ติดตามชมรายการคุยแซ่บ Show ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
โหลดเพิ่มโหลดเพิ่ม